ทรัพยากรสารสนเทศ

สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์

  • สารจากศาสตราจารย์ ดร.ไพฑูรย์ อิงคสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2545

    รอบ 10 ปี แรกของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นทศวรรษของการก่อร่างสร้างตัวขึ้นจากพื้นที่ป่าและทุ่งหญ้าสาธารณะ  ต้องสร้างทั้งด้านกายภาพและบุคลากร  เป็นช่วงที่บุคลากรชุดบุกเบิกของ ม.อบ. ด้วยความสนับสนุนและช่วยเหลือจากท่านผู้อุปถัมภ์หลายฝ่ายจำนวนมาก ต้องทำงานหนัก ตั้งแต่อธิการบดีและคณบดีชุดแรกจนถึงผู้ช่วยงานทั้งปวงเพื่อเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยให้ดีที่สุดรองรับภารกิจที่มหาวิทยาลัยได้รับมอบหมาย  ทั้งด้านการรียนการสอน การวิจั้ยและการบริการสังคม อันจะก่อประโยชน์แก่อนุภาคตะวันออกล่าง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  แม้กระนั้น ก็ได้เกิดอุปัทวเหตุเป็นรอยด่างของสังคม เมื่อคณบดีท่านหนึ่งถูกฆาตกรรมและอาจารย์บางท่านถูกข่มขู่ ด้วยอาวุธขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่งานของมหาวิทยาลัยคงเดินหน้ามาโดยต่อเนื่อง  ในรอบ 10 ปีแรกนี้ จำนวนบัณฑิตจบจาก ม.อบ. นับได้เกือบ 1,000 คน  แม้จะไม่สูงแต่เป็นผลจากความพยายามสร้างและรักษาคุณภาพบัณฑิตให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดนานาประการของการสร้างงานใหม่ เริ่มทศวรรษที่สอง ความพร้อมทั้งด้านกายภาพและบุคลากรได้ก้าวหน้ามาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้  สำหรับการพัฒนาช่วงที่หนึ่ง ทำให้ ม.อบ. สามารถขยายจำนวนรับนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น ให้เหมาะสมกับความพร้อมที่รัฐได้ช่วยสร้าง อีกทั้งสามารถขยายการสอนหลักสูตรใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น ณ วันนี้จึงเห็นภาพชัดเจนว่า ภายในสิ้นปีการศึกษา 2546 คือ อีก 3 ปีข้างหน้า จำนวนบัณฑิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจะถึงและเริ่มสูงขึ้นเกิน 1,000 คนในแต่ละปี และจะเพิ่มขึ้นโดยลำดับตามแผนที่ได้เตรียมไว้ว่าในรอบทศวรรษที่สอง จำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจะรวมได้ถึง 10,000 คน คือมากกว่าทศวรรษแรก 10 เท่าตัว และหากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมอำนวย ก็คาดหมายได้ว่าจำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในรอบทศวรรษที่สามต้องรวมได้ไม่น้อยกว่า 20,000 คน อันจะเป็นคำ ตอบว่าการลงทุนสร้างมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่สังคม และประชาชาติอย่างคุ้มค่าหรือไม่ งานวิจัยและงานบัณฑิตเป็นฐานสำคัญอีกประการหนึ่ง  ในการสร้างคุณภาพการศึการะดับมหาวิทยาลัย ม.อบ. ก็ได้ก้าวหน้าในส่วนนี้มาด้วยดีอย่างระมัดระวังไม่โลดโผน แต่มั่นใจและมั่นคง มั่นใจว่าหลักสูตรบัณฑิตศึกษาเป็นหลักสูตรที่ตอบสนองประโยชน์ในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและสังคมของอนุภูมิภาคนี้ได้เช่นเดียวกับงานวิจัยและพัฒนาที่คณาจารย์ตั้งค้วามพยายามเป็นพิเศษที่จะเกาะติดปัญหาของพื้นที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนคือรัฐและมหาชนผู้สนับสนุน ในทศวรรษใหม่นี้ อัตราการก้าวไปข้างหน้าของมหาวิทยาลัยจะต้องเร็วกว่านี้แน่นอน และต้องก้าวไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูงในด้านคุณภาพ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าที่ผ่านมาแล้ว ยิ่ง ม.อบ. รับนักศึกษาเพิ่มแบบทวีคูณ มีบุคลากรประจำการเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงจะสามารถรักษาเกียรติภูมิของบุคลากรและของมหาวิทยาลัยให้ธำรงอยู่ได้ บทบาทของมหาวิทยาลัยด้านการบริการวิชาการ และทำนุ้บำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติและของท้องถิ่นมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าการสร้างบัณฑิตให้มีความรู้ ความสามารถควบคู่คุณธรรม ให้เป็นกำลังแผ่นดิน และเป็นหน้าที่หลักสำคัญอีกหลักหนึ่งที่มีต่อสังคม เพื่อช่วยสร้างประชาสังคมที่เข้มแข็ง งานนี้ต้องอาศัยจิตสำนึกที่ดีงาม ทั้งของชาวมหาวิทยาลัยเอง และของสมาชิกทั่วไปในสังคม ชุมชน ประชาคม ประกอบกันอีกด้วยจึงจะส่งสัมฤทธิผลได้สมปรารถนาหากมีความเห็นแก่ตัวแก่หมู่คณะเป็นใหญ่กว่าส่วนรวม หากมีการเอาเปรียบสังคมในแง่มุมต่าง ๆ  ทั้งน้อยแลพใหญ่ มีผลประโยชน์มิชอบมาบดบังให้เห็นแต่ประโยชน์ตนสูงกว่าส่วนรวมแล้ว งานนี้จักล้มเหลวแน่นอน  ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นยิ่งยวดที่มหาวิทยาลัยจะต้องได้รับความกรุณาและสนับสนุนพร้อมด้วยการตรวจสอบจากสังคมอย่างโปร่งใสยุติธรรม เพื่อเกื้อหนุนเจือจุนให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยผู้มีความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มศักยภาพ  ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย และของบุคลากรผู้ขันอาสามาปฏิบัติงานให้มหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน ในโอกาสอันเป็นมงคลครบรอบ 12 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผมขอเชิญชวนชาวมหาวิทยาลัยได้รำลึกถึงพระคุณของท่านทั้งปวงที่มีส่วนเกื้อหนุนการก่อสร้างสถาบันมหาวิทยาลัย ทั้งด้านวัตถุและคุณภาพบุคลากรมาแต่ต้นจนเป็นที่ปรากฏในปัจจุบัน ในฐานะของมหาวิทยาลัยของรัฐที่ได้พัฒนาเพื่อให้สามารถเข้าสู่รพบบมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ชาวมหาวิทยาลัยได้ร่วมกันกำหนดปณิธานว่า มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะดำรงเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชุมชนและสังคมอันเป็นฐานสำคัญของผู้สนับสนุนให้เกิดมีมหาวิทยาลัยแห่งนี้…

  • เปิดรับนักศึกษารุ่นแรก

    ภาคต้นปีการศึกษา 2531 (4 มิถุนายน 2531) วิทยาลัยอุบลราชธานีได้เปิดรับนักศึกษารุ่นแรกในภาคต้นปีการศึกษา 2531 เข้าศึกษาในสาขาเกษตรศาสตร์ 38 คน และสาขาวิศวกรรมศาสตร์ (เครื่องกล) 29 คน รวมทั้งสิน 67 คน โดยฝากเรียนไว้ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก่อน ใน ปี พ.ศ.2533 จึงย้ายนักศึกษารุ่นแรกทั้ง 67 คน (นักศึกษาชั้นปีที่ 3) ไปศึกษา ณ สถานที่ตั้งวิทยาลัยอุบลราชธานี  จังหวัดอุบลราชธานี และมีอาจารย์ภาควิชาเกษตรศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ย้ายติดตามไปปฏิบัติงานด้วย คงเหลือคณาจารย์ภาควิชาพื้นฐาน และนักศึกษาชั้นปีที่ 1  และปีที่ 2 ซึ่งจะทยอยไปขึ้นปีที่ 3 ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยในปีการศึกษา 2535 คณาจารย์และนักศึกษาของวิทยาลัยอุบลราชธานีจึงย้ายไปจังหวัดอุบลราชธานีทั้งหมด อ้างอิง มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น, หน้า 15 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, งานวิจัยสถาบัน กองแผนงาน.(2537). รายงานวิจัยสถาบัน เรื่อง สภาพปัญหาของนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชานี ปีการศึกษา 2535,  หน้า 10    

  • กันเกราเน็ต

    การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดตั้งสำนักคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นหน่วยกลางในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้บริการจัดการระบบเครือข่ายของมหาวิทยาลัย “กันเกราเน็ต” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มหาวิทยาลัยได้ปรับเปลี่ยนระบบโทรศัพท์สายทองแดงเป็นสายใยแก้วเชื่อมโยงอาคารภายในเขตการศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้นำวิธีการวางท่อร้อยสายใยแก้วในแท่งคอนกรีตใต้ดิน (Duct Bank) ซึ่งเป็นมาตรฐานการเดินโครงข่ายมาใช้ ลักษณะของการเดินสายใยแก้วในโครงข่ายหลัก จะเป็นการเชื่อมต่ออาคารหลักด้วยการร้อยสายใยแก้ว ชนิด Multimode ) ขนาด 8 core สอดเข้าในท่อ High – Density Polyethylene ฝังในคอนกรีตที่มีความหนา 50×50 ซม. โดยมีหลุมพักสายทุกระยะ 50 เมตร และทุกช่วงที่มีการหักเลี้ยวสำหรับในการเชื่อมอาคารย่อยเข้ากับอาคารหลักในบางช่วงที่มีระยะทางมายาวนัก จะเป็นการเดินลอยใต้หลังคาคลุมทางเดิน โดยให้อาคารสำนักคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นศูนย์กลางและประตูทางออกของเครือข่าย (Gateaway) ด้วย Topology แบบ Star เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และความเร็วในการเชื่อมต่อ เมื่อเสร็จสิ้นระยะที่ 1  ความเร็วในการเชื่อมต่อระหว่างอาคารหลักกับอาคารสำนักคอมพิวเตอร์และเครือข่ายจะเป็น 100 Mbps ในปีงบประมาณ พ.ศ.2544 ซึ่งเป็นระยะที่ 2 ของโครงการ มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการต่อเนื่องจากระยะที่ผ่านมาซึ่งเป็นระบบเครือข่ายที่มีจุดประสงค์ที่จะรองรับการสื่อสารสัญญาณภาพ เสียง และข้อมูลของระบบงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย สำหรับการเชื่อมต่อระบบ Internet ได้เป็นครั้งแรกในปี 2539 โดยการเช่าบริการของบริษัท เอเน็ตจำกัด และได้เปลี่ยนมาใช้บริการผ่านเครือข่าย “UNINET” ของทบวงมหาวิทยาลัย ในปี 2542 ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อจากทบวงมหาวิทยาลัย มายังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ด้วยความเร็ว 512 Kbps และแบ่งส่งต่อให้กับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ด้วยความเร็ว 128 Kbps จากนั้นในปี 2543 จึงมีการขยาย Bandwidth เพิ่มขึ้นโดยความเร็วภายในประเทศเท่ากับ 512 Kbps และในปี 2544 ในช่วงปี 2544 มีการขยายเพิ่มขึ้น โดยความเร็วภายในประเทศเท่ากับ 1 Mbps และต่างประเทศเท่ากับ 512 Kbps