• การบรรยายพิเศษ “มหาวิทยาลัยในระบบใหม่” โดย ศ.ดร.เกษม สุวรรณกุล นายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ช่วงที่ 2)

    มหาวิทยาลัยไม่ได้สร้างคนให้มีความสามารถในการวิจัยเลย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าจุดมุ่งหมายของมหาวิทยาลัยไม่ใช่ Spoonfeed เมืองไทยสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีปัญหาชาวนาอยู่ดีกินดีพอสมควร ชาวนาขนข้าวปลามาบ้านสำราญใจ บ้านเมืองไทยถ้าฝนตกแดดออก รัฐบาลอย่าไปยุ่ง ในน้ำมีปลาในนามีข้าว การสอนนักเรียนไทยไม่เกี่ยวข้องกับสังคมไทยเลย เราสอนตามตำราฝรั่ง เพราะฉะนั้น นักเรียนไทยจะรู้วัวมากกว่าควาย  เพราะตำราฝรั่งไม่เคยเขียนครูที่สอนสัตวแพทย์สอนไม่เป็น สอนได้แต่วัว ตำราควายไม่มี ไม่ได้สอนตามสภาพที่เป็นอยู่ของสังคมไทย ผมสอน Personnel Management in the court of England เพราะผมเขียนวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ แต่ Personnel Management in the court of Bangkok ผมไม่รู้เลยทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างจากจุฬาฯ 2 กิโลเมตร นี่ก็เป็นตัวอย่างที่สอนไม่เหมาะกับสังคมไทย เพราะเราไม่มีงานวิจัย และการไม่ทำวิจัย  ก็เลยต้องรับผิดชอบความไม่เจริญของสังคมไทย ที่พลเมืองไทยสำคัญว่าเจริญมากนั้น มันเจริญโดยเทคโนโลยีเก่าทั้งนั้น เทคโนโลยีที่เขาเลิกทำแล้วก็มาทำในเมืองไทย เอาเปรียบคนไทยให้ค่าแรงต่ำ  ที่เราแข่งกับเขาได้มิใช่ว่าเก่งเทคโนโลยี  แต่เก่งเพราะเราเอาเปรียบคนงาน เอาเปรียบลูกจ้างให้ค่าแรงต่ำ ของจะได้ถูกไปดูดเงินเขา ดูดคนจนเป็นวิธีดูดที่ไม่ดี  รัฐบาลไทยบอกว่าอย่าขึ้นค่าแรงคนงาน เพราะเดี๋ยวจะสู้ต่างชาติไม่ได้ ผู้ผลิตสบาย คนงานแย่ ค่าแรงต่ำ ตราบใดที่เราดูดโดยไม่นำเทคโนโลยีใหม่ไปขาย  สู้ญี่ปุ่นก็คงสู้ไม่ได้ แบบเดียวกัน ญี่ปุ่นเริ่มต้นโดยที่ยุโรปเจริญไปไกลแล้ว เริ่มจากจุดที่เป็นอยู่ ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยไทยต้องเปลี่ยนความคิดที่มี  ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยมีสมัยก่อนนายกรัฐมนตรี เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย  จุฬาฯ เคยทำเรื่องเสนอแต่ก็ตกไปจนมาถึงสมัยจอมพลถนอม กิติขจร ใช้วิธีโหวตเสียง  ไม่มีมหาวิทยาลัยใดเห็นด้วยเลยจึงเป็นอันตกไปอีก ไม่มีมหาวิทยาลัยใดในต่างประเทศที่คิดว่าอาจารย์ เป็นข้าราชการ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ แต่สวัสดิการก็ให้แบบอาจารย์ไม่เหมือนข้าราชการอื่น ไม่ใช่สวัสดิการข้าราชการกับอาจารย์เหมือนกัน ลักษณะของคนไทย เราดีคุณดี, เราเลวคุณเลว, เราดีคนอื่นเลว ไม่มีใครยอม ถ้ารัฐบาลจะให้ข้าราชการเหมือนกันหมดเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะนำเงินที่ไหนมาให้เพราะฉะนั้นคนอื่นจึงยังไม่ยอมให้สวัสดิการอาจารย์ดีกว่าข้าราชการอื่น  เมื่อดีไม่ได้เสมอ ๆ กัน ก็เลยให้เลวเสมอกันอย่างที่เป็นอยู่ เหมือนหน่วยราชการอื่น เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามเปลี่ยน กอปรกับความเข้าใจของรัฐมนตรีว่าการทางมหาวิทยาลัย ความเข้าใจของมหาวิทยาลัย ความเข้าใจของนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีความเข้าใจทั้ง 3 อย่างคงไม่สามารถเปลี่ยนได้ เราจะทำความเข้าใจ เมื่อไม่สามารถแก้ไขมหาวิทยาลัยในระบบได้ ก็ต้องมาแก้ไขมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เพราะถ้ายังอยู่ในระบบ แก้ไขอย่างไรคนอื่นเอาเป็นตัวอย่างด้วย มหาวิทยาลัยออกนอกระบบก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดโดยเฉพาะระบบราชการในปัจจุบัน มันเป็นระบบที่เข้าออกยาก คนเข้าไปแล้วจะเลวอย่างไร เขาออกไม่ได้เพราะมีระบบที่คุ้มครองดีมาก ระบบราชการคุ้มครองเขาอยู่ คนเป็นข้าราชการออกทั้งทีมันยุ่งที่สุด ต้องตั้งกรรมการจนถึงนายกรัฐมนตรี บางทีตอนเกิดเรื่องเป็นนายร้อยกว่าเรื่อง จะดำเนินการสิ้นสุดก็เป็นนายพันแล้ว แต่ถ้าผิดก็เอาออก…