• บทสัมภาษณ์ นายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ “ประวัติการสร้างสานมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี”

    อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตรักษาการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 7 มีนาคม 2537 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมีประวัติความเป็นมาในการจัดตั้งอย่างไร ท่านเข้ามามีส่วนร่วมหรือมีบทบาทหน้าที่อย่างไรบ้าง ในการดำเนินงานจัดตั้งมหาวิทยาลัย มีบุคคลและหน่วยงานใดบ้างที่ให้การสนับสนุนส่งเสริม จนกระทั่งดำเนินการจัดตั้งได้สำเร็จ การจัดตั้งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นความต้องการจำเป็นที่จะต้องสร้าง เนื่องจากการพัฒนาท้องถิ่น และประเทศจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเราที่มีประชากรประมาณ 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วประเทศ ในขณะนี้ยังมีปัญหาความยากจน ปัญหาความล้าหลังทางเศรษฐกิจ ปัญหาการกระจาย บริการด้านสังคมและสาธารณสุขตลอดจนปัญหาด้านการเมืองและปัญหาการพัฒนาด้านอื่น ๆ  ปัญหาเหล่านี้จะแก้ได้ ก็จะต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ ความเป็นมาในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กระผมคงต้องขอย้อนรำลึกไปในอดีตราว 50 กว่าปีที่ผ่านมา จังหวัดอุบลราชธานีของเราเป็นจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งในประเทศ เนื่องจาก ในยุคนั้นยังไม่ได้แยกจังหวัดยโสธรและจังหวัดอำนาจเจริญ ในอดีตนั้นจังหวัดอุบลราชธานีเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและศูนย์กลางการศึกษา จนได้รับสมญานามว่า “อุบลราชธานีเมืองนักปราชญ์” เมื่อ พ.ศ. 2484 รัฐบาลจอมพลป. พิบูลสงคราม จึงดำริที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบหมายให้คณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ อันเป็นข่าวดีที่พี่น้องรอคอย แต่อนิจจาเหมือนโชคมิได้เข้าข้างชาวอุบลฯ ขณะที่ดวงใจที่เต็มไปด้วยความหวังกำลังถูกปลุกให้ตื่น สายฟ้าได้ฟาดเปรี้ยงลงกลางดอนมดแดง ทำให้ความหวังของพี่น้องชาวอุบลฯ พลันสูญสิ้น เพราะผลพวงของสงครามเอเชียบูรพาใน พ.ศ. 2484 รัฐบาลสมัยนั้นจำต้องเลิกล้มโครงการนี้ไปโดยปริยาย ในสมัยต่อมาได้นักการเมืองอาวุโสหลายท่าน ได้เพียรพยายามที่จะดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดอุบลราชธานีขึ้นมาอีก แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อกระผมได้เข้าไปเป็น ส.ส.และมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีหลายสมัย มีความคิดที่จะพัฒนาบ้านเมืองโดยเฉพาะทางด้านการศึกษา เพื่อจะรองรับความเจริญและการเปลี่ยนแปลงของสังคมทุกด้านที่จะมีขึ้นในอนาคตก็ได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นมา และความเป็นไปได้ จึงได้ริเริ่มผลักดันโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมาอีก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา โดยการดำเนินงานในระยะแรกประสบปัญหาเกี่ยวเกือบทุกด้าน กระผมถูกนักการเมืองบางคนใส่ร้ายป้ายสี หาว่ามีผลประโยชน์หรือทำเพื่อตัวเอง พยายามขัดขวางทุวิถีทาง แต่กระผมก็มิได้ท้อแท้  เพราะสิ่งที่คิดอยู่เสมอก็คือ “พี่น้องจะต้องไม่ผิดหวัง เมื่อเลือกตั้งไชยศิริ” และพี่น้องชาวอุบลฯ รู้ดีว่าการมีมหาวิทยาลัยที่บ้านเราจะนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น และลูกหลานก็ไม่ต้องจากบ้านไปเรียนที่อื่นให้ลำบาก ด้วยเหตุนี้ใครจะขัดขวางอย่างไรก็ไม่เป็นผล ต่อมาคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้ตั้งแต่ พ.ศ. 2529 เป็นต้นมา เพียงแต่ให้เป็นวิทยาลัยอุบลราชธานีขึ้น สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่นก่อน อันเป็นการดำเนินงานขั้นแรกและพัฒนาไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในขั้นตอนต่อไป โดยเลือกสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่บริเวณหนองอีเจม ก.ม. ที่ 10–11 บ้านศรีไค อำเภอวารินชำราบ มีพื้นที่ราว 5,000 ไร่ และในที่สุดความมานะพยายามของกระผม และพี่น้องชาวอุบลราชธานีก็ประสบความสำเร็จ เมื่อรัฐบาลสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี กระผมในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ก็ได้ร่วมกันเสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และได้รับความเห็นชอบผ่านขั้นตอนของกฎหมายเรียบร้อยทุกประการ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่…

  • มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

    1. ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20 ล้านคน หรือเท่ากับหนึ่งในสามของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งมีอาชีพหลักคือการเกษตร ฉะนั้น รัฐบาลทุกยุคที่ผ่านมา จึงทุ่มเทงบประมาณจำนวนมหาศาลให้แก่การพัฒนาการเกษตร แต่ประชากรของภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังยากจน และมีรายได้ต่ำสุดเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรทั้งประเทศ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องด้วยปริมาณและมูลค่าของผลผลิตที่ได้ จากการอพยพของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร จึงเห็นอยู่ตลอดเวลา และจะพบมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูแล้ง จึงอาจกล่าวได้ว่า ความพยายามของรัฐบาลที่มีต่อการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีความเชื่อว่าการให้การศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ ในขณะนั้นสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอยู่เพียง 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขต มหาสารคาม ซึ่งสอนเน้นหนักด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในขณะที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการเรียนการสอนที่เน้นหนักในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หากมองในแง่ของการสนองตอบต่อความต้องการพัฒนากำลังคนของประเทศ ซึ่งกำลังมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นประเทศกึ่งอุตสาหกรรมแล้ว ก็นับได้ว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ผลิตบุคลากรตรงกับความต้องการของประเทศ ประกอบกับจากข้อมูลการรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ผ่านมา ปรากฎว่านักเรียนที่สำเร็จการศึกษาตอนปลายจากส่วนตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีโอกาสเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นเพียงร้อยละ 14-15 ของจำนวนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นรับเข้าศึกษาในแต่ละปี ดังนั้น หากมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้ประชากรของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากครอบครัวสามารถรับภาระส่งบุตรหลานของตนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ห่างไกลจากจังหวัดของตน นอกจากนี้มหาวิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ยังเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุงการประกอบอาชีพของตนให้ผลิตเพิ่มขึ้น และมูลค่าของผลผลิตที่สูงขึ้นด้วย อันเป็นผลให้ประชากรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีรายได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรัฐบาลได้เล็งเห็นว่า ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี  มีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งในด้านความเจริญของตัวจังหวัดและความสะดวกในการคมนาคม   ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2528 ทบวงมหาวิทยาลัย จึงได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งวิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะความสามารถกระทำได้ทันทีโดยใช้ งบประมาณแผ่นดิน เพียงเล็กน้อยในการผลิตบัณฑิต สนองความต้องการกำลังคนของประเทศได้ในสาขาที่ขาดแคลน ได้แก่ แพทย์ เกษตรกร พยาบาล และวิศวกร วิทยาลัยฯ ได้เปิดรับนักศึกษารุ่นแรกเข้าศึกษา ในปีการศึกษา 2531 จำนวน 67 คน ในสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ โดยฝากเรียนไว้ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขณะที่ดำเนินการ ในรูปของวิทยาลัยฯ ก็ได้เริ่มก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค อาคารเรียน และอาคารฝึกต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ได้พิจารณาเลือกให้เป็นที่ตั้งวิทยาลัยอุบลราชธานี กิโลเมตรที่ 10-11 ถนนสถลมาร์ค ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ประมาณ 5,228 ไร่ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2531 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการที่ทบวงมหาวิทยาลัย เสนอให้ยกฐานะวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นมหาวิทยาลัย โดยที่รัฐบาลได้กำหนดให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเน้นความรับผิดชอบการจัดการศึกษาสำหรับประชากร 7 จังหวัด ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่…

  • บทสัมภาษณ์ อาจารย์อริยาภรณ์ พงษ์รัตน์ อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

    วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2536 ใช้เป็นข้อมูลประกอบการทำวิจัยเรื่อง สภาพปัญหาของนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2535 “… อยากให้นักศึกษามีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบ เพราะเขาเองต้องคำนึงถึงโลกภายนอก ที่เขาจะต้องไปประสบ เมื่อเขาจบออกไปแล้ว”