ความก้าวหน้าทางการเรียนและมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง โมล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้น ผสมผสานกับเทคนิคกลุ่มแข่งขันในขั้นประเมินผล

Titleความก้าวหน้าทางการเรียนและมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง โมล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้น ผสมผสานกับเทคนิคกลุ่มแข่งขันในขั้นประเมินผล
Publication Typeวิทยานิพนธ์/Thesis
Year of Publication2558
Authorsณัฐริกา ผายเมืองฮุง
Degreeวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต--สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา
Institutionคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
Cityอุบลราชธานี
Call NumberQD ณ351ค 2558
Keywordsการสอนวิทยาศาสตร์, การเรียนรู้แบบสืบเสาะ, มโนมติทางวิทยาศาสตร์, วิทยาศาสตร์--การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา), เคมี--การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา), เทคนิคกลุ่มแข่งขัน, โมล--การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)
Abstract

งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความก้าวหน้าทางการเรียนแบบรายชั้นเรียน แบบรายบุคคล แบบรายเนื้อหา แบบรายข้อและสำรวจความเข้าใจมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง โมล ของนักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้น ผสมผสานกับเทคนิคกลุ่มแข่งขันในขั้นประเมินผลกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสว่างแดนดิน จำนวน 45 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้นผสมผสานกับเทคนิคกลุ่มแข่งขัน และแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดตัวเลือกสองลำดับขั้น จำนวน 40 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระต่อกัน และความก้าวหน้าทางการเรียน ผลการวิจัย พบว่า การจัดการเรียนรู้ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้นผสมผสานกับเทคนิคกลุ่มแข่งขันในขั้นประเมินผล ทำให้ความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนทั้งระดับชั้นตามทฤษฎีของ Hake อยู่ในระดับสูง ค่าจีเท่ากับ 0.85 นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนอยู่ในระดับสูงคิดเป็นร้อยละ 73.33 โดยเรื่องจำนวนโมลกับมวลของสารเป็นเนื้อหาที่มีความก้าวหน้าทางการเรียนมากที่สุด เท่ากับ 0.75 ส่วนเรื่องปริมาตรต่อโมลของแก๊สมีความก้าวหน้าทางการเรียนน้อยที่สุดเท่ากับ 0.50 สำหรับความก้าวหน้าทางการเรียนแบบรายข้อ คำถามข้อที่มีความก้าวหน้าทางการเรียนมากที่สุดและน้อยที่สุด เท่ากับ 0.88 และ 0.11 ซึ่งคำถามทั้ง 2 ข้อเป็นการแก้โจทย์ปัญหาเรื่องปริมาตรต่อโมลของแก๊ส จากการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระต่อกัน พบว่า นักเรียนมีคะแนนมโนมติทางวิทยาศาสตร์หลังเรียน (ค่าเฉลี่ย=64.42) สูงกว่าก่อนเรียน (ค่าเฉลี่ย = 23.78) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p 0.05 นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้นผสมผสานกับเทคนิคกลุ่มแข่งขันในขั้นประเมินผลมีมโนมติทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนถูกต้องเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 74.42 โดยเนื้อหาที่มีมโนมติทางวิทยาศาสตร์ถูกต้องมากที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊ส คิดเป็นร้อยละ 79.78 และมีมโนมติคาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นหลังเรียนมากที่สุด คือ การแก้สมการและการแทนค่าในสูตร คิดเป็นร้อยละ 25.88

Title Alternate Learing gain and scientific conceptual understanding on moles of grade 10 students learning through 5E inquiry cycle incorporated with teams-games-tournaments in evaluation step