การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการเรียน เรื่อง โมลและสารละลาย โดยใช้เทคนิคกลุ่มแข่งขันร่วมกับการทดลอง

งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความคงทนในการเรียนและมโนมติที่คลาดเคลื่อน และเพื่อสำรวจความก้าวหน้าทางการเรียนทั้งระดับชั้น รายบุคคล รายเนื้อหา รายกลุ่มผลสัมฤทธิ์ เรื่องโมลและสารละลาย โดยใช้เทคนิคกลุ่มแข่งขันร่วมกับการทดลอง กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 40 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 แบบแผนการวิจัยเป็นแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว ทดสอบต่อเนื่องตามช่วงเวลา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เทคนิคกลุ่มแข่งขันร่วมกับการทดลอง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบทดสอบอัตนัยจำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ การทดสอบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มที่มีความเป็นอิสระต่อกัน และความก้าวหน้าทางการเรียน ผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกลุ่มแข่งขันร่วมกับการทดลอง ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์หลังเรียนไปแล้ว 30 วัน ไม่แตกต่างจากผลสัมฤทธิ์หลังเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนทั้งระดับชั้นมีคะแนนความก้าวหน้าเท่ากับ 0.50 อยู่ในระดับปานกลาง โดยเนื้อหาที่มีความก้าวหน้าทางการเรียนสูงสุด คือ เรื่องจุดเดือดของสารละลายมีคะแนนความก้าวหน้าเท่ากับ 0.61 ส่วนเนื้อหาที่มีความก้าวหน้าทางการเรียนต่ำสุด คือ เรื่องโมลาริตีและการเตรียมสารละลาย มีคะแนนความก้าวหน้าเท่ากับ 0.41 ความก้าวหน้าทางการเรียนรายกลุ่มผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อนอยู่ในระดับปานกลาง มโนคติคาดเคลื่อนก่อนเรียนมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 17.5 ในเรื่องความหมายของโมล สำหรับมโนมติคลาดเคลื่อนหลังเรียนมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 40 คือเรื่องการเจือจางสารละลาย