ประเพณีแห่เทียนพรรษาเป็นงานบุญประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของอุบลราชธานีมาอย่างยาวนาน จังหวัดอุบลราชธานีและหลายภาคส่วนได้ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำเทียนพรรษาตลอดทั้งเดือนก่อนจะถึงวันเข้าพรรษา อาทิ การเยือนชุมชนทำเทียนพรรษา การแสดงและการแห่เทียนพรรษา โดยมีพัฒนาและสร้างสรรค์งานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่ออนุรักษ์งานประเพณีอันดีงามนี้ไว้ เพื่อสร้างบุญกุศล สืบสานศิลปวัฒนธรรม และสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดอุบลราชธานี
งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีในความทรงจำ
นายประดับ ก้อนแก้ว ศิลปินช่างทำเทียนผู้สั่งสมองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในการทำเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี มากว่า 60 ปี ได้รวบรวมและเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีขึ้นและเผยแพร่ไว้ในเอกสารประกอบการอบรมในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การจัดทำต้นเทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อสืบสานตำนานประเพณีดั้งเดิม ที่จัดโดยสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ดังนี้
ก่อนพุทธศตวรรษที่ 24
ในช่วงบุญเดือนแปด หรือบุญเข้าพรรษา ชาวบ้านชาวคุ้มเมืองอุบลราชธานีแต่ละบ้านจะทำเทียนพรรษาไปถวายพระสงฆ์ โดยจะฝั้นขี้ผึ้งให้เป็นเทียนเล่มเล็ก ๆ ขนาดความยาวเท่าคืบ เท่าศอก เท่ารอบศีรษะ หรือเทียนเวียนหัว (ภาษาอีสานเรียกว่า ค่าคืบ ค่าศอก ค่าคิง)
ต่อมาได้มีการจัดทำเทียนพรรษาแบบรวมกลุ่ม โดยแต่ละบ้านที่อยู่ในชุมชนหรือในคุ้มจะนำเทียนมารวมกันก่อน แล้วจึงนำไปถวายพระสงฆ์ที่วัดร่วมกัน โดยเทียนเล่มสั้นก็จะทำเป็นเทียนพุ่ม หรือพุ่มเทียนตั้งวางบนพานหรือขันเพื่อให้เกิดความสวยงาม เทียนเล่มยาวหรือขนาดเท่าตัวก็จะนำมามัดรวมกันเข้าเป็นรูปทรงกลมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง ผูกติดไว้กับโครงไม้เพื่อป้องกันเทียนหัก การรวมเทียนพรรษาเป็นกลุ่มนี้แสดงถึงความสามัคคีในหมู่คณะ
ช่วงพุทธศตวรรษที่ 24
ปี พ.ศ.2444 กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ผู้มาปกครองหัวเมืองมณฑลอีสานและประทับที่เมืองอุบลราชธานี ได้ดำริให้มีการแห่ขบวนเทียนพรรษารอบเมืองเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2444
ปี พ.ศ.2470 ได้มีการคิดริเริ่มหล่อเทียนพรรษาด้วยการทำเป็นรางไม้หรือโฮงไม้ขึ้นเป็นครั้งแรก
ปี พ.ศ.2480 มีการทำต้นเทียนพรรษาเพื่อการประกวดครั้งแรก ซึ่งมีเพียง 4 ต้น ซึ่งนายประดับ ก้อนแก้ว เคยเห็นว่า มีลักษณะเป็นต้นเทียนพรรษาที่ทำเป็นลายดอก ติดตามลำต้น เป็นลายขนาดโต และติดห่าง ๆ กัน
ปี พ.ศ.2494 นายชอบ ชัยประภา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี สนับสนุนให้การแห่เทียนพรรษาเป็นงานประจำปีของจังหวัดอุบลราชธานี
ปี พ.ศ.2495 มีการนำรถยนต์มาใช้ในการตั้งต้นเทียนพรรษาแทนเกวียน และมีการรื้อฟืนการประกวดเทียนพรรษาแบบมัดรวม ติดพิมพ์
ปี พ.ศ.2498 นายประดับ ก้อนแก้ว ได้ริเริ่มการทำต้นเทียนพรรษาโดยจัดทำรูปสัตว์มาเป็นองค์ประกอบของต้นเทียนพรรษา ซึ่งเป็นรูปสัตว์ที่มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา คือ พญานาค โดยจัดวางพญานาค 4 ตัว ติดไว้ที่ฐานต้นเทียนทั้ง 4 ด้าน พร้อมนำลวดลายมาติดที่ตัวพญานาคให้เหมือนของจริง ถือว่าเป็นคนแรกที่ทำองค์ประกอบต้นเทียนพรรษาขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้มีเพียงต้นเทียนต้นเดียวเท่านั้น ทำให้ในปีนั้น นายประดับ ก้อนแก้ว ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดต้นเทียนพรรษา ได้รับรางวัลข้าวสาร 1 กระสอบ น้ำมันก๊าด 1 ปี๊บ เงิน 100 บาท
![ต้นเทียนพรรษา ภาพจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival-17-e1593759821848.jpg)
![ต้นเทียนพรรษา ภาพจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival-7-e1593759719672.jpg)
ช่วงพุทธศตวรรษที่ 25
ปี พ.ศ.2500 นายประดับ ก้อนแก้ว ยังคงทำพญานาคเป็นองค์ประกอบของต้นเทียนพรรษา แต่มีขนาดใหญ่ชูหัวชูตัวโอบล้อมฐานต้นเทียน โดยการปั้นด้วยปูนปลาสเตอร์ ในปีนนี้มีครูสวนและครูสงวน คูณผล มาช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ในการทำ คือ สีตราสตางค์สีเขียว สีเหลือง และผลไม้ต่าง ๆ เพื่อนำมาแกะสลักทำเป็นเกล็ดของพญานาค ทำเป็นแม่พิมพ์สำหรับทำดอกผึ้ง (ดอกขี้ผึ้ง) เช่น ฟักทอง มะละกอ มันเทศ
การทำเกล็ดพญานาค จะใช้ขี้ผึ้งหลอมให้ละลายด้วยความร้อนผสมกับสีเขียว จากนั้นนำผลไม้ที่แกะสลักเป็นรูปเกล็ดพญานาคหรือแม่พิมพ์เสียบด้วยไม้ ใช้มือจับก้านเสียบแล้วจุ่มลงในขี้ผึ้งให้ติดกับแม่พิมพ์ แล้วนำไปจุ่มในน้ำเย็น เพื่อให้ขี้ผึ้งหลุดออกจากแม่พิมพ์เป็นดอก ๆ เรียกว่า ดอกผึ้ง ซึ่งจะทำไว้จำนวนมากพอสำหรับติดบนลำตัวของพญานาค
ต้นเทียนพรรษาที่ทำขึ้นในปีนั้นเป็นของคุ้มวัดมหาวนาราม ที่สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก
ปี พ.ศ. 2502 เริ่มมีการทำเทียนพรรษาแบบแกะสลักขึ้น โดยนายคำหมา แสงงาม ช่างปูนและช่างไม้ที่เคยทำลวดลายประตู หน้าต่าง ซุ้มประตูให้กับวัด ได้ดัดแปลงนำลวดลายกนกมาแกะสลักลงบนต้นเทียนพรรษาแทนการติดดอก เป็นการทำต้นเทียนพรรษาให้แก่คุ้มบ้านวัดกุกเป่ง อำเภอวารินชำราบ
ปี พ.ศ.2503 มีการแยกประเภทการประกวดต้นเทียนพรรษาออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทแกะสลัก ติดพิมพ์ และเทียนโบราณแบบมัดรวม
ปี พ.ศ.2510 ไม่มีการจัดงานแห่เทียนพรรษา ไม่มีการประกวดต้นเทียนพรรษา ด้วยเพราะมีคณะชาวพุทธสมาคมจังหวัดอุบลราชธานี ค้ดค้านว่าเป็นเรื่องงมงาย สิ้นเปลือง และเสียเวลา
ปี พ.ศ.2511 มีการจัดงานแห่เทียนพรรษาขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีกำลังศรัทธาในการสร้างมากขึ้น ทำให้มีการทำต้นเทียนพรรษาที่มีขนาดใหญ่และสูงขึ้นกว่า 2 เมตร ด้วยความเชื่อว่าจะจุดได้สว่างและทนทานขึ้น เมื่อทำการประกวดต้นเทียนพรรษาเสร็จแล้ว คุ้มวัดจะนำต้นเทียนพรรษาไปถวายที่วัด แต่เนื่องจากมีขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าประตูวัดได้ พระสงฆ์จึงรับแต่เครื่องไทยทาน
ปี พ.ศ.2512 เทศบาลเมืองอุบลราชธานีได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับจังหวัดอุบลราชธานีในการจัดงานแห่เทียนพรรษา ทางจังหวัดได้สั่งการให้นำต้นเทียนพรรษาทุกต้นไปประกวดที่ศาลาประชุมจังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันถูกรื้อไปแล้ว) ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกติดกับศาลหลักเมือง
ปี พ.ศ.2516 ย้ายสถานที่ตั้งขบวนทียนพรรษาไปจัดที่ทุ่งศรีเมืองซึ่งมีลานสนามที่กว้างขวาง เนื่องจากมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาชมจำนวนมาก เป็นการจัดงานร่วมกันระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับเทศบาลเมืองอุบลราชธานี
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2519](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2519.jpg)
ปี พ.ศ.2520 องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อสท.) เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนให้การจัดงานแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีเป็นงานระดับชาติ ซึ่งขณะนั้นนานประมูล จันทร์จำนง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ท่านมีแนวคิดที่จะรับซื้อต้นเทียนทั้ง 2 ประเภทที่ชนะเลิศเก็บไว้เพื่อแสดงให้คนได้ดูทั้งปี แต่แนวคิดนี้ไม่สามารถดำเนินการได้
ในปีนี้เป็นปีที่ต้นเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ว่ามีความยิ่งใหญ่ สวยงามตระการตา มีการจัดงานแห่เทียนพรรษาถึง 3 วัน 3 คืน มีการประชาสัมพันธ์อย่างครึกโครม ทำให้ประชาชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมาชมงานอย่างหนาแน่น และปีนี้ก็มีต้นเทียนส่งเข้าร่วมประกวดมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ จำนวน 12 ต้น และเทียนพรรษาประเภทแกะสลัก จำนวน 4 ต้น ต้นเทียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทติดพิมพ์ เป็นผลงานของนายประดับ ก้อนแก้ว และประเภทแกะสลักเป็นผลงานของนายอุส่าห์ จันทรวิจิตร
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2520](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2520.jpg)
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2524](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2524.jpg)
ปี พ.ศ.2529 เริ่มมีสถานีโทรทัฒน์เข้าการถ่ายทำงานแห่เทียนพรรษา ช่างทำเทียนแต่ละวัดมีความกระตือรือร้นในการทำเทียนพรรษาเพราะมีรางวัลเพิ่มขึ้น ช่างทำเทียนพรรษาที่โด่งดังในช่วงเวลานั้น ได้แก่
- นายประดับ ก้อนแก้ว ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดมหาวนาราม
- นายอุส่าห์ จันทรวิจิตร ช่างทำเทียนแกะสลัก
- นายสมัย จันทรวิจิตร ช่างทำเทียนแกะสลัก
- จ.ส.อ.สงวน สุพรรณ ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดสารพัฒนึก
- อาจารย์เทอด บุญรัตน์พันธ์ ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดแจ้ง
- พระมหาบุญจันทร์ กิตตโสภโณ ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดแจ้ง
- นายมนัส สุขสาย ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดสุปัฏนาราม
- นายแก้ว อาจหาญ ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดทุ่งศรีเมือง
- นายประยุทธ เหล็กกล้า ช่างทำเทียนแกะสลัก วัดกลาง
- นายอารีย์ สินสวัสดิ์ ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดมหาวนาราม
- นายคำหมา แสงงาม ช่างทำเทียนแกะสลัก วัดกุดเป่ง
- นายวิรัช ศรีทานันท์ ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดมหาวนาราม
- นายสมพงษ์ อินทร์โสม ช่างทำเทียนติดพิมพ์ วัดทุ่งศรีเมือง
ปี พ.ศ.2530 เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา จึงได้มีการจัดทำเทียนพรรษาเพื่อเทิดพระเกียรติแก่พระองค์ท่าน
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2532](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2532.jpg)
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2534](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2534.jpg)
ปี พ.ศ.2535 มีการจัดงานแห่เทียนพรรษา 5 วัน 5 คืน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองอุบลราชธานี 200 ปี แบ่งเป็น
- วันที่ 1 งานสมโภชเทียนพระราชทาน
- วันที่ 2 จัดงานพาแลง
- วันที่ 3 วันรวมเทียนพรรษาเพื่อประกวด
- วันที่ 4 วันแห่เทียนพรรษา
- วันที่ 5 นำเทียนที่ชนะเลิศมาแสดงให้ประชาชนได้ชมอีกครั้งในบริเวณทุ่งศรีเมือง
ปี 2539 จัดงานแห่เทียนพรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติ 50 ปี กาญจนาภิเษก
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2539](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2539.jpg)
ปี พ.ศ.2541 ยกเลิกการประกวดขบวนแห่เทียนพรรษา
ปี 2542 เป็นปีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เข้ามาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการจัดงานแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีให้เป็นประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ประเพณีนี้มีความยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังไปอย่างกว้างขวาง และมีแนวคิดในการตั้งชื่องานให้สอดคล้องกับรูปแบบการจัดงานในแต่ละปี เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์แก่นักท่องเที่ยว โดยในปีนี้มีชื่องานว่า “งานแห่เทียนพรรษา เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชา” เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และเป็นที่มาของเทียนเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณของทุ่งศรีเมือง” ปีนี้มีการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นจำนวน 10 วัน เป็นครั้งแรก
ปี 2543 ชื่องาน “หลอมบุญบูชา ถวายไท้นวมินทร์” มีความหมายถึง การหล่อเทียนพรรษาของชาวอุบลฯ เป็นการบำเพ็ญกุศลร่วมกัน การหล่อหลอมจิตศรัทธาให้เป็นหนึ่งเดียว เปรียบประดุจการหลอมบุญบูชา เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์ เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองปีกาญจนาราชาภิเษก 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
ปีนี้มีการแบ่งประเภทเทียนพรรษาที่ส่งเข้าประกวดเป็นประเภทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ทั้งเทียนพรรษาประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ โดยนายประดับ ก้อนแก้ว เป็นผู้เสนอแนวคิด และมีนายบำเพ็ญ ณ อุบล นายสุวิชช คูณผล นายอุส่าห์ จันทรวิจิตร และนายสมคิด สอนอาจ เป็นผู้ร่วมอภิปราย
ปี 2544 ชื่องาน “งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบลฯ” เนื่องจากเทียนพรรษาได้วิวัฒนาการไปจากภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างมาก จึงได้มีการหันกลับมาทบทวนการจัดงานแห่เทียนพรรษาแบบดั้งเดิมตามภูมิปัญญาของชาวอุบลราชธานี
ปี 2545 ชื่องาน “โรจน์เรือง เมืองศิลป์” เป็นคำย่อมาจากคำว่า อุบลเมืองนักปราชญ์ รุ่งโรจน์ศาสตร์ เรืองรองศิลป์ถิ่นไทยดี ปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เลือกงานแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีเป็นหนึ่งในโครงการเที่ยวทั่วไทย ที่มีงานและกิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดของประเทศในเดือนกรกฎาคม
ปี 2546 ชื่องาน “สืบศาสตร์ สานศิลป์” เนื่องจากงานประเพณีแห่เทียนพรรษาเป็นการสืบทอดศาสนาและสืบสานงานศิลปะ ดังคำกล่าวที่ว่า “เทียนพรรษา คือ ภูมิศิลปะแห่งศรัทธา” เพื่อความกระชับ จึงใช้ชื่อว่า “สืบศาสน์ สานศิลป์” แต่โดยเหตุที่มีผู้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า คำว่า “ศาสตร์” มีความหมายกว้างกว่า ชื่องานจึงเป็น “สืบศาสตร์ สานศิลป์”
ปี 2547 ชื่องาน “ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา เทิดไท้ 72 พรรษา มหาราชินี” เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระแม่-แม่พระของแผ่นดิน”
![เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2547](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle2547.jpg)
ปี 2548 ชื่องาน “น้อมรำลึก 50 ปี พระบารมีแผ่คุ้มเกล้าฯ ชาวอุบลฯ” เนื่องจากเมื่อวันที่ 16-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จเยือนอุบลราชธานีเป็นครั้งแรก ยังความปลาบปลื้มปิติแก่ชาวอุบลฯ เป็นล้นพ้น เพราะตั้งแต่สร้างบ้านเมืองมาเกือบ 200 ปี ยังไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จเยี่ยม หรือทรงใกล้ชิดกับราษฎรอย่างไม่ถือพระองค์เช่นนี้ ชาวอุบลฯ ทุกหมู่เหล่า ต่างพร้อมน้อมรำลึกด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเหล้าล้นกระหม่อม พระบารมีแผ่คุ้มเกล้าฯ ชาวอุบลฯ ปิติล้นพ้น ตลอดระยะเวลา 50 ปี ที่ผ่านมาและตลอดไป”
ปี 2549 ชื่องาน “60 ปี พระบารมีแผ่ไพศาล งามตระการเทียนพรรษา เทิดราชัน” มีแนวคิดในการจัดงานเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี”
ปี 2550 ชื่องาน “ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม เลิศล้ำเทียนพรรษา ปวงประชาพอเพียง” เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรปวงชนชาวไทย และการน้อมนำแนวพระราชดำรัสมาใช้ดำรงชีวิต”
ปี 2551 ชื่องาน “เมืองอุบลบุญล้นล้ำ บุญธรรม บุญทาน สืบสานตำนานเทียน” เนื่องจากอุบลราชธานี มีสมญานามว่า “เมืองแห่งดอกบัวงาม” ซึ่งดอกบัวเป็นพฤกษชาติที่มีคติธรรมทางพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง อุบลราชธานีจึงมีวัฒนธรรมประเพณี ทำบุญทุก ๆ เดือน คือการยึดถือฮีตสิบสองคองสิบสี่ ประเพณีแต่ละอย่างในฮีตสิบสองล้วนมีชื่อขึ้นต้นว่าบุญ หมายถึง ประเพณีที่มุ่งการทำบุญเป็นสำคัญ อุบลราชธานีจึงมีบุญล้นล้ำ ทั้งบุญธรรม บุญทาน อีกทั้ง งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ก็มีมาแต่โบราณ โดยเริ่มจากในสมัยแรก ๆ เป็นเทียนเวียนหัว มัดรวมติดลาย วิวัฒนาการมาจนเป็น หลอมเทียน หลอมใจ หลอมบุญ สืบสานมาจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของชื่องานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ปี 2551
ปี 2552 ชื่องาน “ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม บุญล้ำเทียนพรรษา ประชาพอเพียง” เนื่องจากอุบลราชธานีเป็น “อู่อารยวัฒนธรรม อุดมอริยทรัพย์ อริยสงฆ์ รุ่งโรจน์ศาสตร์ เรืองรองศิลป์ ถิ่นไทยดี” ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม จึงเป็นความรุ่งเรือง สว่างไสว อุดมสมบูรณ์ ในธรรมที่สำคัญยิ่ง 3 ประการ คือ พุทธธรรม อารยธรรม และธรรมชาติ ประกอบกับ การทำบุญเข้าพรรษาที่อุบลราชธานี มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปี จึงเป็นที่รวมทำบุญเข้าพรรษาของประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก ท่านที่มาทำบุญเดือนแปดที่เมืองอุบลฯ จึงเป็นการบำเพ็ญกุศล ได้รับ “บุญล้ำเทียนพรรษา” โดยทั่วหน้ากัน พร้อมกันนี้ยังได้เสนอเน้นคำขวัญ ประชาพอเพียง ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ประชาชนพลเมือง จะมีความพอเพียงได้ ก็ด้วยคุณธรรมความพอเพียงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทำชีวิตให้อยู่ดีมีสุข ไม่มีความฟุ้งเฟ้อ ทะเยอทะยาน ยินดีในสิ่งที่ได้ พอใจในสิ่งที่มี จึงเป็นที่มาของชื่องานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ปี 2552″
ปี 2553 ชื่องาน “ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบลฯ” เนื่องจากเมืองอุบลราชธานี มี “ธรรม” 3 ประการ คือ พุทธธรรม กล่าวคือ ชาวอุบลฯ มีความฝักใฝ่ในธรรม อารยธรรม คือ อุดมด้วยอารยทรัพย์ อารยสงฆ์ และธรรมชาติ ตามถิ่นที่ตั้งเมืองอุบล คือ ดงอู่ผึ้ง จึงเป็นความรุ่งเรือง หรือ “ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม” และที่ตั้งเมืองของจังหวัดอุบลราชธานี คือ ดงอู่ผึ้ง ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญในการทำเทียนพรรษา รวงผึ้งอุดมสมบูรณ์มาก สำนักพระราชวังได้นำขี้ผึ้งจากจังหวัดอุบลฯ ไปเพื่อทำเทียนพระราชทาน ประกอบกับ อุบลราชธานีมีสกุลช่างทุกสาขาวิชาช่างศิลปะ จึงสามารถรังสรรค์เทียนพรรษา ออกมาได้อย่างวิจิตรบรรจงตามจินตนาการ งามล้ำเทียนพรรษา และเนื่องจากประเพณีแห่เทียนพรรษาเกิดจากภูมิปัญญาชาวอุบลฯ เป็น “ภูมิปัญญาชาวบ้าน” สืบสานเป็น “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” ก่อให้เกิด “ภูมิพลังเมือง” สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ประชาคมเป็นปึกแผ่นมั่นคง แก้ไขปัญหาสำคัญของชาติได้ในการร่วมเป็น “ภูมิพลังแผ่นดิน”
ปี 2554 ชื่องาน “ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบลฯ” เป็นก่ีใช้ชื่องานต่อเนื่องจากงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ปี 2553 โดยปีนี้จะมีความพิเศษกว่าทุกปี คือ มีการจัดทำต้นเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ เป็นการนำเทียนประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ มารวบรวมในต้นเทียนเดียวกัน โดยฝีมือช่างเทียนระดับอาจารย์ 9 ท่าน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวจังหวัดอุบลราชธานี
ปี 2555 ชื่องาน “111 ปี ลือเลื่อง ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล” มีแนวคิดเพื่อรำลึกในโอกาสครบรอบ 111 ปี นับจากที่กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ปกครองหัวเมืองมณฑลอีสานได้ดำริให้มีการแห่ขบวนเทียนพรรษารอบเมืองเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2444
ปีนี้จังหวัดอุบลราชธานีได้จัดให้มีพิธีอัญเชิญเทียนพระราชทานและผ้าอาบน้ำฝนพระราชทางทางชลมารค
ปี 2556 ชื่องาน “ย้อนตำนาน 112 ปี สืบฮีตวิถีชาวอุบล ยลพุทธศิลป์ถิ่นไทยดี” มีแนวคิดเพื่อย้อนตำนาน 112 ปี นับจากที่กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ปกครองหัวเมืองมณฑลอีสานได้ดำริให้มีการแห่ขบวนเทียนพรรษารอบเมืองเป็นครั้งแรกแทนการแห่บุญบั้งไฟ เมื่อ พ.ศ.2444 อุบลราชธานีมีวัฒนธรรม ประเพณี วิถีที่แสดงออกมาซึ่งความสามัคคีของชาติพันธุ์ที่หลากหลายกระจายทั่วทุก 25 อำเภอ เป็นประเพณีแห่เทียนพรรษาที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน เป็นการ “สืบฮีตวิถีชาวอุบล” โด่งดังไปทั่วโลก และงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ได้สะท้อนความงามแห่งศิลป์ที่ทรงคุณค่า หลอมรวมกับวิถีชีวิตชุมชนเพื่อเชิดชูพระพุทธศาสนา ยึดมั่นในธรรม ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข สงบร่มเย็น และพอเพียงเป็นแก่นแท้แห่งถิ่นไทยดี
ความโดดเด่นของงานประเพณีแห่เทียนพรรษาปีนี้ คือ วัดเมืองเดช อำเภอเดชอุดมได้สร้างสรรค์ขบวนเทียนพรรษาที่ตกแต่งด้วยเทียนหอมเข้าร่วมงาน ซึ่งเทียนหอมนี้เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของอำเภอเดชอุดม ทำให้ขบวนเทียนพรรษามีสีสันสวยงามแปลกตาและแตกต่างจากทุกขบวน และเป็นเทียนพรรษาที่มีกลิ่นหอมหนึ่งเดียวของโลก
และวัดศรีประดู่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบต้นเทียนพรรษารูปทรงแปดเหลี่ยมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตนเองมากว่า 40 ปี เป็นรูปทรงกลม และการนำเสนอรูปด้านหน้าขบวนจากรูปสัตว์หิมพานต์ เช่น พญาครุฑ พญาหงส์ ช้างสามเศียร มาเป็นรูปสัตว์ในขุมนรกที่กำลังถูกทรมานจากยมบาล
ปี 2557 ชื่องาน “113 ปี งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี 2557 และเฉลิมฉลอง 222 ปี อุบลราชธานี” แนวคิดเพื่อย้อนตำนาน 113 ปี นับจากที่กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ปกครองหัวเมืองมณฑลอีสานได้ดำริให้มีการแห่ขบวนเทียนพรรษารอบเมืองเป็นครั้งแรกแทนการแห่บุญบั้งไฟ เมื่อ พ.ศ.2444 และเป็นวาระที่เมืองอุบลราชธานี ครบรอบ 222 ปี แห่งการสถาปนาเมืองอุบลราชธานีศรีวะนาลัยประเทศราช เมื่อ พ.ศ.2335
ปี 2558 ชื่องาน “งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ประจำปี 2558”
ปี 2559 ชื่องาน “งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ประจำปี 2559”
![เทียนพรรษาทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-9.jpg)
ปี 2560 ชื่องาน “งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ประจำปี 2560”
ปี 2561 ชื่องาน “ฮีตศรัทธา ราชธานีแห่งเทียน” มีแนวคิดเพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานี
ปี 2562 ชื่องาน “118 ปี เทียนพรรษา เทิดราชาขวัญแผ่นดิน” แนวคิดเพื่อย้อนตำนาน 118 ปี นับจากที่กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ปกครองหัวเมืองมณฑลอีสานได้ดำริให้มีการแห่ขบวนเทียนพรรษารอบเมืองเป็นครั้งแรกแทนการแห่บุญบั้งไฟ เมื่อ พ.ศ.2444 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และจังหวัดอุบลราชธานี และเพื่อหล่อหลอม รวมจิตใจ ในการรู้รักสามัคคี ของชาวจังหวัดอุบลราชธานี และประการสำคัญ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิรา-ลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ปี 2563 ชื่องาน “อนุรักษ์เทียนพรรษา มุทิตาหลวงปู่มั่น” แนวคิดเพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิตเนื่องในโอกาสที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งมีชาติกำเนิดเป็นชาวอุบลราชธานี ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ
![เทียนพรรษาประเภทแกะสลัก วัดไชยมงคล ปี 2559](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-31.jpg)
ปี 2564 ชื่องาน “ยลเทียนพรรษา มรดกล้ำค่า เมืองดอกบัว” โดยมีแนวคิดเพื่อสืบทอดประเพณีถวายเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาให้อยู่คู่เมืองอุบลฯ สืบไป งานจัดขึ้น ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส Covid-19 จึงจัดงานในรูปแบบออนไลน์ ผ่านสถานีโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ
ปี 2565 ชื่องาน “121 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรมงามล้ำเทียนพรรษา” มีการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาแบบเต็มรูปแบบ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยเว้นระยะห่าง ลดความแออัด อย่างเคร่งครัด
กิจกรรมในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี
งานประเพณีเทียนพรรษาที่จัดขึ้นโดยจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปีนั้น จะเริ่มขึ้นราว 1 เดือนก่อนถึงวันเข้าพรรษา หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 โดยภาพรวมแล้วกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จะประกอบด้วย
- กิจกรรมเยือนชุมชนคนทำเทียน เป็นกิจกรรมที่จะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมการทำเทียนพรรษาของคุ้มวัดต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์และประเภทแกะสลัก เป็นชุมชนหรือคุ้มวัดที่จะนำขบวนเทียนพรรษาเข้าร่วมในงานประเพณีอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในอำเภอเมืองและอำเภอวารินชำราบ เช่น ชุมชนคนทำเทียนพรรษาวัดทุ่งศรีเมือง วัดมหาวนาราม วัดบูรพาราม วัดศรีประดู่ วัดพลแพน วัดแจ้ง วัดพระธาตุหนองบัว วัดศรีอุบลรัตนาราม วัดไชยมงคล วัดผาสุการาม
![ชุมชนทำเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-26.jpg)
- การประกวดสาวงามเทียนพรรษาและงานพาแลง เป็นกิจกรรมที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาจากการที่เมื่อก่อนคุ้มวัดต่าง ๆ จะนำเด็กสาวในชุมชนมานั่งเป็นนางฟ้าประจำต้นเทียนในขบวนแห่เทียนพรรษา ภายหลังได้มีแนวคิดมอบหมายภาระหน้าที่การประชาสัมพันธ์งานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีให้แก่นางงามประจำต้นเทียนด้วย จึงได้จัดการประกวดสาวงามเทียนพรรษาขึ้น พร้อมทั้งจัดงานเลี้ยงพาแลง เพื่อรับรองแขกผู้มีเกียรติและนักท่องเที่ยว กิจกรรมนี้มักจะจัดในช่วงก่อนวันเข้าพรรษา 2 วัน
![นางฟ้าประจำต้นเทียนพรรษา](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival_08.gif)
![นางฟ้าประจำต้นเทียนพรรษา](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival_20.jpg)
![นางฟ้าประจำเทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-20.jpg)
- กิจกรรมเยี่ยมชมบ้านคำปุน อำเภอวารินชำราบ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและพิพิธภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองที่เป็นภูมิปัญญาของชาวอุบลราชธานีโดยแท้ โดยได้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมขั้นตอนวิธีการทอผ้าไหมพื้นเมือง อุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการทอผ้าพื้นเมือง ชมความงดงามของผ้าทอพื้นเมืองลวดลายต่าง ๆ ที่หาชมได้ยาก โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้จาก นางคำปุน ศรีใส ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาทัศนศิลป์-ถักทอ พ.ศ.2537 ศิลปินแห่งชาติ (หัตศิลป์-ถักทอ) ประจำปี 2561 และนายมีชัย แต้สุจริยา ศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2544 ผู้คิดค้นและออกแบบผ้าลายกาบบัว ผ้าเอกลักษณ์จังหวัดอุบลราชธานี และศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานิื่น ๆ เช่น การฟ้องกลองตุ้ม งานดอกไม้ การทำเทียนพรรษาแบบโบราณ กิจกรรมนี้จะจัดเพียง 3 วัน คือ ก่อนวันอาสาฬหบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา เป็นกิจกรรมที่อยู่คู่กับงานประเพณีแห่พรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีมากว่า 21 ปี ในปี 2562 และตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป การเข้าชมบ้านคำปุนสามารถเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์คำปุน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
![กิจกรรมเยือนบ้านคำปุน](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/banKhampun-6.jpg)
- การแสดงเทียนพรรษารอบทุ่งศรีเมือง เป็นกิจกรรมที่คุ้มวัดต่าง ๆ จะนำเทียนพรรษาที่เข้าร่วมในงานประเพณีมาจัดแสดงไว้ที่บริเวณโดยรอบของทุ่งศรีเมือง โดยเทียนพรรษาที่จัดทำอย่างเสร็จสมบูรณ์จะถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้และไฟอย่างสวยงามพร้อมอวดสายตาแก่นักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ทั้งเทียนพรรษาประเภทแกะสลัก ประเภทติดพิมพ์ และเทียนโบราณ กิจกรรมนี้จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากจะจัดขึ้นในช่วงเย็นของวันอาสาฬหบูชา คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวและช่างภาพที่ต้องการถ่ายภาพของเทียนพรรษาอย่างสวยงามโดยไม่ติดภาพผู้คน ควรจะมาชมเทียนพรรษาในช่วงเช้ามืดของวันเข้าพรรษา
![เทียนพรรษาประเภทแกะสลัก ที่ตั้งแสดงโดยรอบทุ่งศรีเมือง](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-24.jpg)
![เทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ ที่ตั้งแสดงโดยรอบทุ่งศรีเมือง](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-1.jpg)
- กิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษา เป็นกิจกรรมที่คุ้มวัดต่าง ๆ จะนำเทียนพรรษาที่ตั้งไว้โดยรอบของทุ่งศรีเมืองเข้าร่วมขบวนแห่ ซึ่งจะเคลื่อนขบวนแห่จากบริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนารามไปตามถนนอุปราช ในขบวนแห่จะมีขบวนฟ้อนรำและขบวนแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานที่แต่ละวัดได้สร้างสรรค์ขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้านั่งชมได้ที่อัฒจันทร์ที่จัดไว้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย กิจกรรมนี้จะจัดในช่วงเช้าของวันเข้าพรรษาเป็นต้นไป ทั้งนี้บางปีมีการจัดขบวนแห่เทียนพรรษาในช่วงกลางคืนด้วย
![ขบวนแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival_07.gif)
![ขบวนแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival_09.gif)
![ขบวนแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/candle_festival_10.gif)
![ขบวนแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-5.jpg)
![ขบวนแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-16.jpg)
![ขบวนแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-30.jpg)
![ขบวนแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ภาคกลางคืน](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-33.jpg)
- กิจกรรมประติมากรรมเทียนนานาชาติ เป็นกิจกรรมเพื่อต่อยอดภาพลักษณ์ของงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีออกสู่สากลและร่วมสมัย กิจกรรมนี้มีการจัดขึ้นทั้งหมด 10 ครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549-2559 ทั้งนี้ในระหว่างนี้มีการงดจัดงาน 1 ครั้ง ในปี 2556
![ประติมากรรมเทียนนานาชาติ](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-8.jpg)
![ประติมากรรมเทียนนานาชาติ](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-27.jpg)
- การประกวดเทียนพรรษา เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อสร้างคุณค่า สร้างขวัญและกำลังใจให้กับช่างทำเทียนพรรษาและคุ้มวัดที่นำเทียนพรรษาเข้าร่วมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี โดยจะมีการแบ่งประเภทการประกวดเป็น เทียนพรรษาประเภทแกะสลักและเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และเทียนโบราณ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่
![เทียนพรรษาแบบโบราณ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ปี 2559](http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/wp-content/uploads/2020/06/Ubon_candle_festival-32.jpg)
ที่ตั้ง ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานี
พิกัดภูมิศาสตร์ ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี
15.230193, 104.857329
บรรณานุกรม
ไกด์อุบล. (2563). งานประเพณีแห่เทียนพรรษา. เข้าถึงเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563, https://www.guideubon.com/2.0/candlefestival/
คณะกรรมการจัดทำหนังสือ วิวัฒนาการประวัติประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี. (2550). เลิศล้ำเลอค่า เทียนพรรษาเมืองอุบล. อุบลราชธานี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
ประดับ ก้อนแก้ว. (2531). เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี : ประวัติการจัดทำและการประกวด. อุบลราชธานี: โรงเรียนอุบลวิทยาคม.
สุชาติ สุวรรณวงค์. (2556). ฮีตวิถีชาวอุบล คนทำเทียน. มหาสารคาม: สาขาวัฒนธรรมศาสตร์ คณะวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.