Warning: mysqli_query() expects parameter 1 to be mysqli, string given in D:\isanlocalwisdom\ubontravel\config.php on line 22

Warning: mysqli_query() expects parameter 1 to be mysqli, string given in D:\isanlocalwisdom\ubontravel\config.php on line 23
:: ฐ า น ข้ อ มู ล แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว จั ง ห วั ด อุ บ ล ร า ช ธ า นี :: :: ฐ า น ข้ อ มู ล แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว จั ง ห วั ด อุ บ ล ร า ช ธ า นี ::
:: ฐ า น ข้ อ มู ล แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว จั ง ห วั ด อุ บ ล ร า ช ธ า นี ::

 พิพิธภัณฑ์วัดศรีอุบลรัตนาราม

 

 
ที่ตั้ง : วัดศรีอุบลรัตนาราม ถนนชยางกูร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ประเภท : พิพิธภัณฑ์
 
        ในวัดศรีอุบลรัตนาราม ที่ด้านข้างของพระอุโบสถมีศาลา “พิพิธภัณฑ์ศรีอุบลรัตนาราม” เป็นอาคารไม้เนื้อแข็ง 2 ชั้นขนาดใหญ่ เดิมทีเป็นศาลาหอแจก ซึ่งหมายถึงศาลาการเปรียญ สถานที่ในการทำบุญทำทานของคนในสมัยก่อน สร้างขึ้นในสมัยพระศาสนดิลก (ชิตเสโน เสน) เป็นเจ้าอาวาส ในสมัยพระครูวิจิตรธรรมภาณี เป็นเจ้าอาวาส ได้มีการรื้อถอนและมีการประกอบใหม่ด้วยเหตุผลในการจัดวางตำแหน่งอาคารต่าง ๆ ภายในวัด

และในปี 2545 ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้วัสดุและการตกแต่งแบบเดิม โดยชั้นบนของอาคารเป็นที่ประดิษฐานพระประธานในหอแจก ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเทวธัมมี (ม้าว) เป็นเจ้าอาวาส เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชร แกะสลักจากไม้กันเกรา หน้าตักกว้าง 1.30 เมตร สูง 1.40 เมตร ลงรัก ทาชาดสีแดงปิดทองคำเปลวทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ภายในบุษบกไม้ทั้งหลัง ที่สร้างขึ้นพร้อมกันกับพระพุทธรูปไม้แกะสลักองค์นี้ และมีบุษบกไม้ชนิดเดียวกันมีขนาดลดหลั่นกันลงมา กระหนาบอยู่ทั้งสองข้าง และภายในบุษบกประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสองบุษบก

นอกจากนั้นแล้วยังมีการจัดแสดงวัตถุโบราณต่าง ๆ ซึ่งมีอายุนับร้อยปี ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูปขนาดเล็กหลายองค์ที่ส่วนใหญ่มีพุทธลักษณะแบบล้านช้าง พบภายใต้ฐานพระพุทธรูปคราวเคลื่อนย้ายซ่อมแซมหอแจก

ตู้ลายรดน้ำปิดทอง ใช้ในการเก็บพระไตรปิฎก ที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 รวมถึงตู้หนังสือซึ่งเป็นฝีมือของช่างท้องถิ่นทั้งเทคนิคแกะสลัก ลายรดน้ำ และลายกระแหนะรักปั้น ลงรักปิดทอง ที่สะท้อนศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
หนังสือผูก ที่วัดศรีอุบลรัตนาราม นับว่าเป็นแหล่งรวบรวมพระไตรปิฎก วรรณคดี และหนังสืออื่น ๆ ที่มีคุณค่า หาได้ยาก เช่น มูลกระจาย ที่มีเหลืออยู่ไม่กี่ฉบับในประเทศไทย
คัมภีร์ใบลาน ซึ่งจารคำสอนทางพุทธศาสนา ในสมัยโบราณบรรดาสรรพวิชาทั้งหลายจะบันทึกไว้ในใบลาน เรียกว่า "จาร" มีความเชื่อว่า การสร้างหนังสือ (คัมภีร์ใบลาน) ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจะได้อานิสงค์อันยิ่งใหญ่ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกชนในท้องถิ่นอีสานจึงขวนขวายสร้างหนังสือ และเมื่อมีการสร้างคัมภีร์ใบลาน จำเป็นจะต้องมีการเก็บรักษาไว้ให้ดี จึงมีธรรมเนียมนิยมสร้างผ้าห่อหนังสือ หรือผ้าห่อคัมภีร์ใบลานถวายวัด โดยเหล่าหญิงสาวและแม่บ้านจะเป็นผู้ที่นำผ้าทอของตนเองมาห่อคัมภีร์ไว้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดงานศิลปหัตถกรรมขึ้นอย่างหนึ่งคือ ผ้าห่อคัมภีร์ สำหรับห่อหุ้มคัมภีร์ใบลาน ซึ่งผ้าห่อคัมภีร์นี้จะเกิดจากฝีมือของบรรดาหญิงสาวและแม่บ้านในชุมชนนั้น ๆ เนื่องจากในวัฒนธรรมไทย ผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์ในการจารพระธรรมลงบนใบลาน ซึ่งถือว่าเป็นการได้อานิสงค์อย่างสูง

ดังนั้นผู้หญิงจึงต้องทดแทนด้วยการทอผ้าห่อคัมภีร์ขึ้นมา โดยผู้ทอจะทำให้มีขนาดกว้างยาวพอดีกับ "ลานยาว" (ความยาวของใบลาน) และจะทออย่างประณีตงดงาม มีลาดลายสีสันตามความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้ทอ มีทั้งผ้าไหมและผ้าไหม ไม่จำกัด ลวดลาย และนำไปถวายเพื่อใช้ในการห่อคัมภีร์ และจะเป็นการได้อานิสงค์เท่าเทียมกับฝ่ายชาย

ผ้าห่อคัมภีร์ ซึ่งเดิมผู้คนแถบนี้นำมาถวายให้กับทางวัด เป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้ นำมาถวายเพื่อเป็นสมบัติของพระศาสนา พระภิกษุจำได้ใช้ห่อเก็บคัมภีร์รักษาไว้ให้อยู่ได้เนิ่นนาน… ซึ่งมีทั้งผ้าซิ่นสำหรับสตรี มีครบทั้งส่วนหัวซิ่น ตัวซิ่น และตีนซิ่นครบถ้วน บางผืนขาดวิ่นไปตามกาลเวลา แต่นับว่าเป็นแหล่งข้อมูลอันทรงคุณค่าสำหรับผู้สนใจศึกษาผ้าโบราณพื้นเมืองอีสาน เนื่องจากคาดว่ามีเกือบครบทุกประเภท
โหง่ หรือ ช่อฟ้า รวยระกา งานแกะสลักรูปหัวพญานาคมีหงอนสะบัดพลิ้วงดงาม เรียงซ้อนกันสวยงามเก่าแก่ ทำจากไม้ตะเคียน เดิมลงรักปิดทอง ประดับกระจก ศิลปะท้องถิ่นอุบลราชธานีโดยแท้ งดงามหาชมได้ยากในปัจจุบัน

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จทรงเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์วัดศรีอุบลรัตนาราม เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 พิพิธภัณฑ์จะเปิดให้เข้าชม ในวันพุธ-วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 09.00 น. – 16.00 น. โดยไม่คิดค่าบริการ

 

อ้างอิงจาก : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=365634

watsriubon_museum.jpgwatsriubon_museum(1).jpgwatsriubon_museum(2).jpgwatsriubon_museum(3).jpg
watsriubon_museum(4).jpgwatsriubon_museum(5).jpgwatsriubon_museum(6).jpgwatsriubon_museum(7).jpg
watsriubon_museum(8).jpgwatsriubon_museum(9).jpgwatsriubon_museum(10).jpgwatsriubon_museum(11).jpg
watsriubon_museum(12).jpgwatsriubon_museum(13).jpgwatsriubon_museum(14).jpgwatsriubon_museum(15).jpg
watsriubon_museum(16).jpgwatsriubon_museum(17).jpgwatsriubon_museum(18).jpgwatsriubon_museum(19).jpg
watsriubon_museum(20).jpgwatsriubon_museum(21).jpgwatsriubon_museum(22).jpgwatsriubon_museum(23).jpg
watsriubon_museum(24).jpgwatsriubon_museum(25).jpgwatsriubon_museum(26).jpgwatsriubon_museum(27).jpg
watsriubon_museum(28).jpgwatsriubon_museum(29).jpgwatsriubon_museum(30).jpgwatsriubon_museum(31).jpg
watsriubon_museum(32).jpgwatsriubon_museum(33).jpg
:: ฐ า น ข้ อ มู ล แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว จั ง ห วั ด อุ บ ล ร า ช ธ า นี ::